So!!!!!!
Dear every customer
Now I have time for work in Thailand
1 month only
If you have big order, You can tell me now!
After I go out of Thailand
For customer online
I can shipping product from Japan (some product)
but if you want custom order, I can make it after 9th Dec
สำหรับลูกค้าในประเทศไทย ที่ต้องการสั่งซื้อจำนวนมาก
เราจะมีเวลาอีก 1 เดือนเท่านั้น เพื่อทำงานในประเทศไทย
สำหรับลูกค้าออนไลน์ เราจะสต๊อกสินค้าไว้บ้างที่ไทย
สามารถจัดส่งได้ ถ้ามีสินค้าที่ลูกค้าต้องการ
ถ้าไม่มี หรือ ต้องการสั่งทำพิเศษ ต้องเป็นหลังจากวันที่ 9 ธันวาคม นะคะ
มีต่อ....
Checklist
เตรียมบางสิ่งบางอย่างก่อนเดินทาง
Passport : OK ยังใช้ได้อีกนาน หมดอายุปี 2019
Visa : ประเทศที่จำเป็นต้องขอวีซ่า ก็คือ ประเทศญี่ปุ่น
แต่ทริปนี้เราจะอยู่ที่ญี่ปุ่นช่วงแรกคือที่ ฟุกุโอกะ
เป็นช่วงเวลา ตั้งแต่วันที่ 2 Oct - 15 Oct เป็นเวลา 14 วัน ช่วงนี้จึงใช้สิทธิ์ ฟรีวีซ่าได้
แต่ตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ฟุกุโอกะ ก็ต้องงัดเอกสารออกมาแสดงหมดเลยนะ
ประมาณว่า ตม งงว่า ทำไมไม่ใช้วีซ่า เพราะเราบอก ตม ว่า ต้องการใช้ฟรีวีซ่า
ในช่วงเวลานี้ เราจะใช้วีซ่าที่ขอมา ตอนเข้ามาญี่ปุ่นอีกครั้งวันที่ 18 ซึ่งบินจากเกาหลี
วันที่ 15 Oct คือไปเกาหลี 3 วัน กลับมาญี่ปุ่น วันที่ 18 Oct หลังจากนี้ ต้องใช้วีซ่า
ตั้งแต่วันที่ 18 Oct - 3 Dec คือจำนวนที่อยู่ญี่ปุ่น 47 วัน เราจึงต้องขอวีซ่า 47 วัน
อธิบายการเดินทางอีกทีละกัน
บินจาก กทม ถึง ฟุกุโอกะ วันที่ 2 Oct
วันที่ 15 Oct บินจากฟุกุโอกะ ไป สนามบิน Osaka Kansai โดย Peach airline
ที่เลือกเดินทางโดยเครื่องบิน เพราะช่วงจองตั๋วเครื่องบิน peach airline มีโปรโมชั่น
บินในประเทศญี่ปุ่นราคาถูก และสนามบิน Kansai คืออยู่นอกเมือง
แบบว่ายังไงเราก็ต้องนั่งรถไฟเข้าไปที่เที่ยวที่ Osaka อยู่ดี ก็เลยไม่เลือกรถบัส
และอีกอย่างคือถ้าดูในแผนที่จะเห็นภาพว่า Osaka คือใกล้กับ เกาหลี
และตั๋วเครื่องบินก็ถูกด้วย ก็เลยเลือกบินต่อจาก Osaka ไป เกาหลี ในวันที่ 15 เลย
โดย Peach airline นี้แหละ แค่เปลี่ยน terminal ภายในสนามบิน
อยู่เกาหลี 3 วัน กลับมาญี่ปุ่น วันที่ 18 Oct ก็เลือกเที่ยวแถว Osaka 2 วัน
kyoto 2 วัน และ ไป Tokyo วันที่ 22 Oct ซึ่งตอนนี้ยังไม่สรุปว่าจะไปยังไง
อาจจะเป็นรถไฟ หลังจากนั้นก็อยู่ยาว จนถึงวันที่ 3 Dec บินต่อไปร่วมงาน
In Bed with Designers ที่ฮ่องกงต่อ จากนั้นก็บินจากฮ่องกงกลับประเทศไทย
วันที่ 9 Dec
BKK-Fukuoka 5,119 บาท (รวมนำ้หนัก 25kg) Jetstar airline
Fukuoka - Osaka Kansai 887 บาท (ไม่โหลดกระเป๋า) Peach airline
Osaka Kansai - Korea - Osaka Kansai 3,840 บาท (ไม่โหลดกระเป๋า) Peach airline
Tokyo Haneda - HongKong 4,918 บาท (รวมนำ้หนัก 20kg) HK Express airline
Hong Kong - BKK 2,753 บาท (รวมนำ้หนัก 20kg) Air Asia
กลับมาที่วีซ่าเป้าหมายคือ ก็ต้องไปขอวีซ่าญี่ปุ่น 47 วัน แต่สุดท้ายได้มา 3 เดือน (90 วัน)
เราไปขอวีซ่าที่
อาคารวันแปซิฟิกเพลส ชั้น 9 (ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีนานา)
ใช้เงินค่าวีซ่า 880 + ค่าธรรมเนียมที่ขอวีซ่า 535 สรุปจ่ายไป 1,415 นี่คือที่ต้องจ่าย
ปกติจะได้รับเล่มคืน น่าจะประมาณ 1 อาทิตย์ จำได้ว่าไปยื่นเอกสารวันจันทร์ และนัดให้ไปรับเล่มคืนวันศุกร์
แต่ เราได้รับเล่มคืนวันจันทร์ เพราะ ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม
เอกสารที่ใช้ยื่นปกติ ก็ทั่วไปนะ อ่านเพิ่มเติมจากที่นี้
http://www.th.emb-japan.go.jp/th/consular/visaindex.htm
Passport ที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และมีหน้ากระดาษเหลือไว้ด้วย
ทะเบียนบ้าน สำเนา และ ตัวจริงด้วย
และก็รายละเอียดทุกอย่างอะ ที่แสดงให้สถานทูตเห็นว่า เราไปเที่ยว
เพราะเราขอวีซ่าท่องเที่ยว
ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก โปรแกรมท่องเที่ยว
เราไม่มีงานประจำ เราทำธุรกิจส่วนตัวแต่ยังไม่ได้จดทะเบียนการค้า
ก็มีแต่รายละเอียดหน้าร้านออนไลน์ ก็ปริ้นออกมา รูปตัวเองกับผลงานของตัวเองตามสื่อต่างๆ
รายการบัญชีธนาคาร เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นได้ไม่ลำบาก
คือ เราคิดว่าหัวใจหลักของการขอวีซ่า คือ เราไปเที่ยวก็คือไปเที่ยว ไปทำงานก็คือไปทำงาน
สำคัญคือ เราไปทำอะไรอย่างแท้จริง
เราเองยื่นเอกสารไป ยังถูกขอเอกสารเพิ่ม เพราะตอนแรกเราไม่ได้บอกว่าไปร่วมงาน
Tokyo design week เพราะคิดว่า เพื่อนเราที่ญี่ปุ่นเป็นคนจัดการให้ เราเป็นเพียงแค่ นักออกแบบเท่านั้น
แต่จริงๆแล้วเราควรอธิบายอย่างละเอียดเลย เพราะสถานทูตเข้าใจสถาณการณ์ได้ดี
สถานทูตเข้าใจงานที่เกี่ยวกับศิลปะ เข้าใจความต้องการที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างดี
เราก็ยื่นเอกสารไปเพิ่ม ว่าไปร่วมงานอะไร ไปที่ไหน พักที่ไหน อย่างไรบ้าง อย่างละเอียด
รวมถึง จดหมายเชิญ เราก็ให้เพื่อนเขียนให้นี่แหละ ว่าเราไปทำอะไร และ พักกับเพื่อนเราจริง
และเราเองก็เขียนถึงสถานทูตเองด้วย เพื่อ อธิบายว่า เราต้องการไปทำอะไร
เราเขียนไปยาวมาก
1 ร่วมงาน Tokyo design week
2 ท่องเที่ยว
3 พักผ่อน ข้อนี้แหละที่สถานทูตแสดงให้เห็นว่า เค้าเข้าใจความต้องการ
คือ เราคิดไปเองว่า อาจจะดูไร้สาระไปหรือเปล่า แต่พอได้คุยกับทางสถานทูต
ทำให้รู้ว่า เค้าสืบอย่างละเอียดมาก ตั้งแต่เรารับสายโทรศัพท์จากทางสถานทูต
ถ้าเรามีคำพูดที่ไม่ชัดเจน ก็จะมีผลในการพิจารณาวีซ่าด้วย
และเราก็เขียนบอกสถานทูตว่า อาชีพการงานของเราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้
เพราะเราทำงานบนคอมพิวเตอร์ เราแค่คิดว่าอยากเที่ยวนานๆ เพราะมันคือโอกาส
และที่สำคัญคือ เราบินต่อจากญี่ปุ่นไปฮ่องกงด้วย ก็เลยไม่อยากบินไปบินมา
เราจองตั๋ว one way บินกลับไทยคือ บินจากฮ่องกง ถึง ไทย
การเดินทางภายในประเทศญี่ปุ่น ที่มีทั้ง รถบัส รถไฟ เครื่องบิน
ตอนแรกก็หาข้อมูลเกี่ยวกับ JR Rail Pass เหมือนกัน แต่ดูการเดินทางของตัวเองแล้ว
คือไม่จำเป็น เพราะเราอยู่นานก็จริง แต่ไม่ค่อยเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆมาก
ตัวอย่างเช่น ถ้าจะซื้อ JR Rail Pass เค้าจะมีจำนวนวันกำหนดในการใช้ตั๋ว
3 วัน 5 วัน 7 วัน 15 วัน อะไรแบบนี้ ซึ่งเราไม่ได้ต้องการเดินทางแบบนั้น
สรุปก็เลยไม่ซื้อพาสอะไรเลย มาซื้อตั๋วเอาข้างหน้าแทน
ถ้าใครจะซื้อ JR Rail Pass ก็หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี้ http://www.japanrailpass.net/th/
ต้องซื้อนอกประเทศญี่ปุ่นนะ เพราะฉะนั้นต้องตัดสินใจก่อนเดินทาง
ที่พัก
1. บ้านเพื่อน ที่ฟุกุโอกะ และ โตเกียว ซึ่งจริงๆแล้ว เพื่อนก็เปิดบ้านเป็นที่พัก airbnb นี้แหละ
2. airbnb house ที่ Osaka : 2,397 บาท (2 คืน), Kyoto : 2,153 บาท (2 คืน)
และจองที่เกาหลีไว้ด้วย 3คืน : 1,828 บาท แต่มีเพื่อนอยู่เกาหลีและ
เพื่อนเปิดเป็นบ้าน airbnb house เหมือนกัน แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ ก็เลยจองไปแล้ว
ก็เลยคิดว่าจะพักที่จองไว้ 1 คืน และพักบ้านเพื่อน 2 คืน
3. บ้าน wwoof คือที่พัก ที่เราไปพักฟรี กินฟรี แต่ทำงานแลกข้าวแลกนำ้ แต่เราก็เสียค่า
สมัครเป็น wwoofer เป็นรายปีก่อน จ่ายไป 1,646 บาท
Internet
ต่อไปเรื่อง การติดต่อสื่อสาร
เราจำเป็นต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ไทยที่เราใช้งานอยู่ เพราะอาจมีลูกค้าติดต่องานสำคัญเข้ามา
เราจึงคิดว่า ต้องการให้โทรศัพท์ ที่สามารถรับสายได้ แต่เราจะไม่รับ และจะส่งข้อความกลับ
ไปแทน ว่าให้ติดต่อเราทาง email แต่ ณ จุดนี้ ยังรับสายไม่ได้เลย เพราะซิม ไม่สามารถใช้กับ
โทรศัพท์ที่เอามาได้ ประมาณว่า เครื่องเล็กเกินไป ไม่สามารถรองรับซิมได้
ตอนนี้ก็ยังหาทางดำเนินการอยู่ อาจจะซื้อโทรศัพท์ใหม่ที่ญี่ปุ่น แต่ยังไม่รู้ว่าจะเอากลับไปใช้
ที่ไทย ได้หรือเปล่า
แต่ เรามี ipad mini ซึ่งเราซื้อซิมญี่ปุ่นใส่ เป็นซิมที่ใช้ Internet ได้อย่างเดียว
เราซื้อซิมแบบ 30 วัน มา 2 อัน ที่เลือกใช้ซิมนี้เพราะว่า ใช้เสร็จก็ทิ้งได้เลย ไม่ต้องคืนเหมือน
pocket wifi และเราก็ไม่ได้ต้องการใช้เนตมาก เมื่อออกไปเที่ยวข้างนอกที่พัก แค่รับการติดต่อ
เรื่องงานที่สำคัญเท่านั้น แต่เนตก็ใช้ได้ดีเลยนะ เพียงพอต่อความต้องการ ไม่มีปัญหาเลย
ลองอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี้ http://iwifi.jp